
โฮลวีท VS โฮลเกรน ลดน้ำหนักกินแบบไหนดี
โฮลวีทและโฮลเกรนเป็นอาหารลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะรูปแบบขนมปังที่นำมากินเป็นอาหารเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานแบบไม่อ้วน แต่จริง ๆ แล้วโฮลวีทและโฮลเกรนมีความแตกต่างกัน ซึ่งความต่างนั้นอาจจะส่งผลให้การเป็นตัวช่วยลดน้ำหนักนั้นแตกต่างกันไปด้วย
โฮลวีท (Whole wheat) ทำจาก “ข้าวสาลี” เต็มเมล็ด เพียงอย่างเดียว โดยจะไม่ผ่านการขัดสี มีสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งเยื่อหุ้มเมล็ด เนื้อเมล็ด จมูกข้าว
โฮลเกรน (Whole Grain) ทำจาก “ธัญพืช” เต็มเมล็ด หลาย ๆ ชนิดรวมกัน เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต บาร์เลย์ เป็นต้น ที่ไม่ผ่านการขัดสี มีสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งเยื่อหุ้มเมล็ด เนื้อเมล็ด จมูกข้าว
โฮลวีทและโฮลเกรน ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
เนื่องจากทั้ง 2 ชนิดนั้นเป็น “คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน” ที่ให้แคลอรีน้อย แต่มี “ไฟเบอร์” เป็นจำนวนมาก ซึ่งไฟเบอร์นี้เองจะเป็นตัวช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นาน ไม่กินจุบจิบ ช่วยเสริมสร้างระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น และควบคุมระดับคอเลสเตอรอลได้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดี
โดยมีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ลดปริมาณขนมปังขาว และหันบริโภคแต่ขนมปังประเภทโฮลวีทและโฮลเกรนแทน จะสามารถลดน้ำหนักตัวและไขมันหน้าท้องได้ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานได้ดีอีกด้วย
โฮลวีท VS โฮลเกรน ใครช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่า
“โฮลเกรน” มีประโยชน์มากกว่า “โฮลวีท” เพราะประกอบด้วยธัญพืชหลายชนิด จึงทำให้มีไฟเบอร์ มากกว่านั่นเอง
ข้อควรระวัง
ผลิตภัณฑ์บางอย่างมีส่วนผสมของข้าวสาลีและแป้งขาว ก่อนซื้อเราจึงควรมองหาฉลากที่ระบุว่า “โฮลเกรนหรือโฮลวีท 100%”
ตัวช่วยลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
- Slim Shape ใช้เทคโนโลยีเปปไทด์ลดหิว (Liraglutide) ซึ่งเป็นสารโปรตีนสกัดที่สามารถเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติของร่างกาย โดยจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่มไปที่ “สมองส่วนกลาง” ทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาวนานถึง 24 ชม.
- ลดการบีบตัวของ “กระเพาะอาหาร“ จึงช่วยทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น การย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้นานขึ้น จึงทำให้เราทานอาหารได้น้อยลง
- Slim Shape ยังช่วยกระตุ้นให้ “ตับอ่อน” ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลเข้าเซลล์มีคุณภาพดีขึ้น จึงทำให้สามารถเก็บและนำพลังงานที่สะสมออกมาใช้ได้มีคุณภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10%
นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา