น้ำมันปลา Vs น้ำมันตับปลา ตัวช่วยลดไขมันที่แตกต่างกัน

น้ำมันปลา Vs น้ำมันตับปลา ตัวช่วยลดไขมันที่แตกต่างกัน

น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาได้รับความนิยมอย่างมาก ที่จะนำมากินเป็นอาหารเสริมลดน้ำหนักและลดไขมัน โดยเฉพาะในช่องท้องและไขมันอวัยวะ สาเหตุของการเกิดโรคร้าย แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลามีความแตกต่างกัน ทั้งแหล่งที่มาและปริมาณของสารที่ช่วยลดไขมัน 

 

น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลามีส่วนช่วยลดไขมันอย่างไร

น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาเป็นแหล่งของสาร “โอเมก้า 3” ที่มีกรดไขมันหลายชนิด ซึ่งกรดไขมันหนึ่งในนั้นที่ชื่อว่า “กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid)” จะมีส่วนช่วยในการลดไขมันในร่างกาย ในช่องท้อง ในอวัยวะ และช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด นอกจากนี้ กรดไขมันตัวนี้ยังมีส่วนช่วยลดกระบวนการสร้างสารอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคสมองขาดเลือดได้ ได้อีกด้วย

Two shiny capsules with natural extract of fish oil for skin Free Vector

 

ประโยชน์อื่น ๆ จากน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา

ในโอเมก้า 3 ยังมี “กรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid)” อีกหนึ่งชนิด มีทำหน้าที่ในการช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้และความจำ ช่วยทำให้ทั้งสมองและดวงตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

ข้อแตกต่างของน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา

  1. แหล่งที่มา

น้ำมันปลา (Fish Oil) สกัดมาจากอวัยวะของปลา ทั้งบริเวณหนังปลา หัวปลา เนื้อปลา และหางปลา โดยส่วนมากจะสกัดมาจากปลาแมคเคอรอล ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแอนโชวี่ ปลาทูน่า เป็นต้น  

น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) สกัดจากบริเวณที่เป็นตับของปลาเพียงเท่านั้น ซึ่งมักจะสกัดจากปลาทูน่า ปลาเทราต์ ปลาแซลมอน ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาค็อด เป็นต้น 

Healthy lifestyle, medicine, nutritional supplements and people concept - close up of male hands holding pills with cod liver oil capsules and water glass Free Photo

 

  1. ปริมาณกรดไขมันต่างกัน 

น้ำมันปลา : มีปริมาณกรดไขมัน EPA อยู่ที่ 18% และมีปริมาณกรดไขมัน DHA อยู่ที่ประมาณ 12% นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเอและวิตามินดีร่วมด้วย

น้ำมันตับปลา : มีปริมาณกรดไขมัน EPA อยู่ประมาณ 9% และมีปริมาณกรดไขมัน DHA อยู่ประมาณ 14% นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเอและวิตามินดีร่วมด้วย

 

ดังนั้น หากใครที่ต้องการใช้น้ำมันจากปลาเป็นอาหารเสริมช่วยลดขมันหรือลดน้ำหนัก “น้ำมันปลา” ที่มีกรดไขมัน EPA มากถึง 18% อาจเหมาะสมมากกว่า 

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันตับปลาและน้ำมันปลา

  1. คนที่แพ้ปลาทะเลหรืออาหารทะเลห้ามกิน
  2. ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นเวลานาน 
  3. ควรหยุดกินก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน เนื่องจาก อาจส่งผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า และเกิดอันตรายระหว่างผ่าตัดได้
  4. ห้ามกินคู่กับยาแอสไพรินและวาฟาริน เนื่องจาก อาจทําให้เลือดหยุดไหลช้าหรือว่าเลือดแข็งตัวช้าจนเกิดอันตรายได้
  5. คนที่มีโรคประจำตัวไม่แนะนำให้กิน โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด มีระดับไขมันในเลือดสูง จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนกิน

 

ตัวช่วยลดไขมัน ลดสัดส่วน ดูแลสุขภาพ

โปรแกรม FIT FIRM by Indiba นวัตกรรมของ Proionic เป็นเทคโนโลยีการแพทย์จากสเปน โดยระบบการรักษาจะใช้คลื่นความถี่วิทยุเดียวที่ 448 kHz มาฟื้นฟูถึงระดับเซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยโครงสร้างและการทำงานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ทำให้เซลล์ไขมันฝ่อตัวลง “ลดไขมันใต้ชั้นผิวหนังและไขมันในช่องท้อง” เพิ่มการเผาผลาญลึกถึงระดับเซลล์ เพิ่มการไหลเวียนเลือด กำจัดของเสียออกจากเซลล์ เพิ่มระดับออกซิเจนในเนื้อเยื่อและเซลล์ ยับยั้งการสร้างเซลล์ไขมัน กระชับผิวที่หย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน

👉ปรึกษาลดไขมันในช่องท้องทัก
𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔𝐒
𝐓𝐞𝐥 : 080-5000-123
𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://line.me/ti/p/%40APEXslim
𝐅𝐚𝐜𝐞𝐛𝐨𝐨𝐤: https://www.facebook.com/ApexSlim
𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : https://www.apexslim.com/


MAKE AN APPIONTMENT