
6 ข้อผิดพลาด ออกกำลังกาย แต่เผาผลาญได้ช้าลง
ออกกำลังกายลดน้ำหนัก แต่ยิ่งลดดูเหมือนน้ำหนักยิ่งเพิ่ม ซึ่งสิ่งที่เพิ่มมานั้นดันไม่ใช่น้ำหนักของกล้ามเนื้อ แต่เป็นไขมันส่วนเกินแทน ซึ่งนั่นอาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดตอนออกกำลังกายลดน้ำหนัก จนทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง ใครที่กำลังสงสัยว่าเป็นอยู่ ลองมาเช็กกัน!!
- เร่งการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างหนักหรือเร่งการออกกำลังกายให้ได้มากที่สุด จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย ซึ่งเมื่อเสียมวลกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายไปแล้ว ก็เหมือนเสียตัวช่วยเผาผลาญพลังงานของร่างกายไปด้วย โดยการออกกำลังกายที่ดีควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ดีมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง
การออกกำลังกายแบบคาดิโออย่างเดียว อาจจะช่วยเผาผลาญได้เร็วก็จริง แต่มีโอกาสจะเสียมวลกล้ามเนื้อเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ควรละเลยกับการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงขั้นพื้นฐาน เช่น การยกน้ำหนักและยกดัมเบล เป็นต้น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อส่วนที่เสียไป โดยการการฝึกความแข็งแรงควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญขณะร่างกายพักผ่อนได้อย่างน้อย 10 แคลอรีต่อวัน
- ออกกำลังกายผิดเวลา
หลาย ๆ คนเลือกการออกกำลังกายที่สะดวกมากกว่า แต่จริง ๆ แล้วเวลาออกกำลังกายมีผลต่อระบบเผาผลาญที่แตกต่างกัน โดยการออกกำลังกายในตอนเช้า ระหว่างเวลา 6-10 น. จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยเรื่องของการนอนหลับได้สนิทมากขึ้น และช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ส่วนเวลาเย็น ช่วง 16-17 น. จะเป็นช่วงที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี กล้ามเนื้อแข็งแรงแต่ไม่ควรออกกำลังกายก่อนเข้านอน 4-6 ชั่วโมง
- อ่านหนังสือ/ดูหนัง ตอนออกกำลังกาย
การอ่านหนังสือหรืดูหนังในตอนที่ออกกำลังกายหรืออยู่บนลู่วิ่ง จะทำให้สมาธิของเราอยู่กับสิ่งอื่นมากเกินไป จนทำให้ความเข้มข้นของการออกกำลังกายช้าลง ซึ่งจะช่วยลดความสามารถของร่างกายในการใช้พลังงาน จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญนั้นน้อยลงอย่างมากนั่นเอง
- ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
เราควรรออกกำลังกายให้เพียงพอและสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายวันเว้นวันจะทำให้การเผาผลาญลดลง ซึ่งลดความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญแคลอรีด้วยนั่นเอง
- ไม่กินโปรตีนก่อนและหลังออกกำลังกาย
ร่างกายมีโอกาสสูญเสียมวลกล้ามเนื้อสูงจากการออกกำลังกาย หากเราไม่กินอาหารก่อนออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย โดยเแพาะอาหารประเภทโปรตีนที่ส่วนช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อแซมกล้ามเนื้อที่หายไป
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราควรหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของการออกกำลังกาย ที่อาจจะส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญได้ช้าลง แต่หากใครที่อยากลดน้ำหนัก ลดสัดส่วน แต่ยังไม่สามารถออกกำลังกสยได้ เรามีตัวช่วยลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อแบบไม่ต้องออกกำลังกายมาฝากกัน
ตัวช่วยลดไขมันพร้อมสร้างกล้ามเนื้อ แบบไม่ต้องออกกำลังกาย
Emsculpt เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย
ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและทำให้กล้ามเนื้อกลับมาชิดกันมากขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน
ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่
Emsculpt ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%
APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย จากองค์กรอาหารและยาของประเทศอมเริกา (US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration) ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน