
5 เทคนิค ลดน้ำหนัก แบบฉบับชาวออฟฟิศ
ชาวออฟฟิศหรือคนวัยทำงานอย่างเราล้วนอาศัยอยู่ในออฟฟิศ หรือนั่งทำงานแบบ Work From Home เป็นเวลานาน ร่วมกับปริมาณงานจำนวนมากอาจทำให้หลายคนเกิดความเครียดและไม่มีเวลาดูแลตัวเอง จนทำให้น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วในที่สุด วันนี้เราจึงมี 5 เทคนิคลดน้ำหนักแบบฉบับชาวออฟฟิศมาฝากกัน
5 เทคนิค ลดน้ำหนัก แบบฉบับชาวออฟฟิศ
-
ห้ามอดอาหารเช้า
แม้ในช่วงเช้าเราจะเร่งรีบจนไม่มีเวลาเพียงพอในการกินอาหารมื้อเช้าอย่างไรก็ตาม แต่เราก็ห้ามอดอาหารเช้าเด็ดขาด เพราะการอดอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายไม่มีสมาธิในการทำงานจากความรู้สึกหิว และยังส่งผลให้การเลือกอาหารในมื้อกลางวันไม่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก เช่น อาหารเค็มจัด มันจัด หวานจัด จนได้รับพลังงงานเกินหรือความหิวอาจทำให้เรากินเยอะขึ้นในมื้อกลางวัน นอกจากนี้ การอดอาหารเช้าจะทำให้ขาดโปรตีนทำให้หอวง่ายกินจุบจิบระหว่างวันได้อีกด้วย
-
งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
สาวออฟฟิศหลายคนมักจะซื้อชากาแฟดื่มกันทุกเช้า หากเครื่องดื่มเหล่านี้ใส่น้ำตาลในช่วงของารลดน้ำหนักเราควรจะงดดื่มไปก่อน หรือดื่มเหมือนเดิมแต่ไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย เช่น กาแฟดำ ชาใส เป็นต้น เพราะน้ำตาลเหล่านี้หากได้รับในปริมาณท่ี่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันและเข้าไปสะสมในร่างกายจนทำให้การลดน้ำหนักไม่สำเร็จ
-
ดื่มน้ำเปล่าระหว่างวันมาก ๆ
น้ำเปล่าจะเข้าไปช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลง ทำให้ร่างกายจะต้องดึงไขมันที่สะสมอยู่ตามร่างกายมาเผาผลาญเป็นพลังงานมากขึ้นเพื่อให้อุณหภูมิกลับมาคงที่ ซึ่งการเผาผลาญไขมันนี้เองจะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้ โดยการดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น 23 กิโลแคลอรี ได้เลยทันที นอกจากนี้การดื่มน้ำ 500 มิลลิตร ก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ ซึ่งจะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าอีกกลุ่มถึง 44% ภายในระยะเวลาแค่ 3 เดือนได้อีกด้วย
-
นำอาหารกลางวันมาเอง
มื้อกลางวันอาจไม่ได้มีอาหารที่ดีต่อการลดน้ำหนักให้เลือกมากมาย ในบางทีอาหารเหล่านั้นอาจเต็มไปด้วยด้วยแคลอรี ไขมัน โซเดียม น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตมากมาย ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้แล้วยังอาจทำให้น้ำหนักขึ้นด้วยซ้ำไป เราจึงแนะนำให้ทำอาหารกลางวันง่าย ๆ มากินเองหรือซื้อจากร้านเพื่อสุขภาพมากินเองก็จะช่วยทำให้การลดน้ำหนักง่ายขึ้น
-
ใช้บันไดแทนลิฟต์
การเดินขึ้น–ลงบันไดเป็นวิธีการเพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกาย และเป็นการออกกำลังกายที่ดีอีกวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ไม่มีเวลาไปฟิตเนส ไปวิ่ง หรือว่ายน้ำ เพราะเพียงแค่ใช้การเดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ 1 นาที ก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 10 กิโลแคลอรี เลยทีเดียว
ตัวช่วยลดน้ำหนักแบบฉบับชาวออฟฟิศด้วยปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape ผสานเทคโนโลยีกระชับสัดส่วน เพื่อการลดน้ำหนักอย่างเห็นผลและยั่งยืน
-
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape น้ำหนักลง เราก็รู้สึกได้ผลเร็วดี
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
- Slim Shape ใช้เทคโนโลยีเปปไทด์ลดหิว (Liraglutide) ซึ่งเป็นสารโปรตีนสกัดที่สามารถเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติของร่างกาย โดยจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่มไปที่ “สมองส่วนกลาง” ทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาวนานถึง 24 ชม.
- ลดการบีบตัวของ “กระเพาะอาหาร“ จึงช่วยทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น การย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้นานขึ้น จึงทำให้เราทานอาหารได้น้อยลง
- Slim Shape ยังช่วยกระตุ้นให้ “ตับอ่อน” ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลเข้าเซลล์มีคุณภาพดีขึ้น จึงทำให้สามารถเก็บและนำพลังงานที่สะสมออกมาใช้ได้มีคุณภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10%
นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
-
IV WEIGHT LOSS
จะเพิ่มการเผาผลาญไขมัน เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยควมคุมความหิวและลดความอยากอาหาร ฟื้นตัวได้รวดเร็วจากการออกกำลังกาย ไม่ดูเหนื่อย ไม่โทรม ช่วยให้ดูสดใส และมีชีวิตชีวา รวมส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะของ Apex ซึ่งประกอบไปด้วย
Vitamin B Complex : ช่วยลดภาวะเครียด เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน หากขาดจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด สมาธิไม่ดี มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
Vitamin C : ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้ประโยชน์ ลดความเหนื่อยล้า ออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น ช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า
Lipotropic : ช่วยสลายไข เปลี่ยนไขมันสะสมไปเป็นพลังงานส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ
Vitamin B 12 : เป็นขุมพลังสำหรับร่างกาย ช่วยสร้าง DNA เส้นประสาท และเซลล์เม็ดเลือด ระบบเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีวิตามิน Vitamin B 12 หากขาดจะทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยล้า
L-carnitine : ช่วยการเผาผลาญ สลายไขมันส่วนเกิน (ไตรกลีเซอร์ไรด์) ในเลือด ทำให้การเผาผลาญกลูโคสดีขึ้น ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอัตราการเผาผลาญ ช่วยลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักด้วย IV Weight Loss ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนได้อย่างรวดเร็ว และดูดซึมได้ถึง 100 % สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ จึงเป็นผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็ว และสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ นอกจากนี้สารอาหารต่าง ๆ อย่างกรดอะมิโนแอซิดและวิตามินหลายชนิด เมื่อต้องผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊สหรืออาการปวดกระเพราะ และอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมา ในขณะที่ทำการให้สารอาหารผ่านทาง IV จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น
สามารถกระชับผิวด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ใช้เวลาเพียง 30 นาที เป็นเทคโนโลยีแรก และเทคโนโลยีเดียวที่ผสมผสานพลังงานคลื่นวิทยุเข้ากับพลังเสียงอัตร้าซาวด์ ส่งพลังงานเข้าถึงเนื้อเยื่อผิวในหลายระดับความลึก จึงสามารถกำจัดไขมันและฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวตั้งแต่ในระดับลึกจนถึงระดับผิวชั้นบน มีหัวส่งความเย็นที่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมสอดคล้องกับการทำงานตลอดเวลา จึงปลอดภัยสูงสุด ไม่เจ็บ ตลอดการทำทรีทเมนท์
ทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่องทั้งหมด 4 ครั้งต่อเดือน ผลลัพธ์หลังทำกระชับทันที และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำครั้งสุดท้าย 1-3 เดือน ทำได้ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ทั่วใบหน้า ลำคอ แขน ขา ก้น หน้าท้อง และอวัยวะเพศหญิง ซึ่งมีหลายหัวที่ใช้ทำ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ