
5 วิธี ลดน้ำหนักด้วย IF ได้สำเร็จ
ลดน้ำหนักด้วย IF ไม่ใช่เพียงแค่อดอาหารแล้วจะสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ เพราะการทำ IF ก็มีข้อควรระวังที่หากลดผิดวิธีนอกจากจะลดน้ำหนักไม่สำเร็จแล้วยังอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย สำหรับใครที่อยากลองลดน้ำหนักด้วย IF ได้สำเร็จ วันนี้เรามีวิธีมาให้ลองทำตามกัน
IF คือ “การกินแบบจำกัดช่วงเวลา” หรือ การอดอาหารในระยะสั้น (Fasting) สลับกับการกินอาหาร (Feeding) แต่ไม่ใช่การอดอาหารทุกวัน และสามารถกินอาหารอะไรก็ได้ตามปกติ โดยไม่จำกัดประเภทของอาหาร วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มอัตราการเผาผลาญมากขึ้น และสามารถลดไขมันที่สะสมในร่างกาย โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหารทั่วไป
IF ลดน้ำหนักได้อย่างไร
เมื่อเรากินอาหารเข้าไปจะทำให้ปริมาณอินซูลิน (Insulin) สูงขึ้น และยากต่อการเผาผลาญไขมัน แต่เมื่อท้องว่างอาหารที่ถูกย่อยและดูดซึมไปจนหมดแล้ว จะทำให้ปริมาณอินซูลินลดต่ำลง ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormones ออกมา เกิดสภาวะ Ketosis จึงทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงานในช่วงเวลาที่อดอาหารนั่นเอง นอกจากนี้ ยังช่วยในการควบคุมปริมาณอาหารไม่ให้มากเกินไปอีกด้วย
-
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
แม้การคุมอาหารจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการลดน้ำหนักด้วย IF แต่การคุมอาหารมากจนเกินไปจนร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะจำศีลด้วยการลดการเผาผลาญลง เพื่อรักษาน้ำเก็บสะสมพลังงานมากขึ้นในรูปแบบไขมัน ดังนั้น เราจึงควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยมี โปรตีน ไขมันดี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนผักผลไม้ที่มีวิตามิน และเกลือแร่ ในปริมาณที่เหมาะสมไม่น้อยหรือมากจนเกินไป
-
ดื่มน้ำบ่อยและเยอะขึ้น
การดื่มน้ำ 1 แก้ว ทันทีหลังตื่นนอน จะช่วยชดเชยการขาดน้ำระหว่างนอนหลับ และเป็นการกระตุ้นการดื่มน้ำมากขึ้นระหว่างวันด้วย คลายความรู้สึกหิว นอกจากนี้ การดื่มน้ำหลังตื่นนอนยังดีต่อลำไส้ ช่วยในการขับถ่าย และมีประโยชน์ด้านสุขภาพอื่น ๆ อีก โดยระหว่างวันเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร
-
ต้องงดของหวาน
สำหรับคนที่ติดของหวาน หากทำ IF แล้วยังกินของหวานอยู่ จะทำให้เกิดอาการติดหวาน Sugar Addict ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้รู้สึกหิวมาก อ่อนเพลียเหมือนขาดพลังงาน แล้วก็จะจบด้วยการกินในช่วงเวลาเรางดอาหารในที่สด แล้วอาจจะกินเยอะกว่าปกติด้วยซ้ำ โดยอาการอยากน้ำตาลจะเป็นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะเป็นปกติในช่วงอดอาหาร โดยไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด ซึ่งคนส่วนมากไม่สามารถทำ IF ได้ เนื่องจากอาการ Sugar Addict ในช่วงอดอาหาร
-
ห้ามนอนดึก
ในคนกลุ่มที่เข้านอนดึกมีความเสี่ยงในความอ้วนง่ายอยู่แล้ว เนื่องจากระบบฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกาย และระบบความอิ่มในร่างกายจะแปรปรวน ทำให้คนนอนดึกไม่สามารถทำ IF ได้สำเร็จ ซึ่งแนะนำให้นอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและควบคุมการสะสมไขมัน
-
ออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักควรมาพร้อมกับการออกกำลังกาย โดยในช่วงเริ่มต้นของการลดน้ำหนักแบบ IF ควรออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาที และออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3-5 วัน เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้เร็วยิ่งขึ้น
ตัวช่วยลดน้ำหนักปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape
ผสานเทคโนโลยีเมนเทนรูปร่าง เพื่อการลดน้ำหนักอย่างเห็นผลและยั่งยืน
-
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape น้ำหนักลง เราก็รู้สึกได้ผลเร็วดี
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
- Slim Shape ใช้เทคโนโลยีเปปไทด์ลดหิว (Liraglutide) ซึ่งเป็นสารโปรตีนสกัดที่สามารถเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติของร่างกาย โดยจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่มไปที่ “สมองส่วนกลาง” ทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาวนานถึง 24 ชม.
- ลดการบีบตัวของ “กระเพาะอาหาร“ จึงช่วยทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น การย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้นานขึ้น จึงทำให้เราทานอาหารได้น้อยลง
- Slim Shape ยังช่วยกระตุ้นให้ “ตับอ่อน” ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลเข้าเซลล์มีคุณภาพดีขึ้น จึงทำให้สามารถเก็บและนำพลังงานที่สะสมออกมาใช้ได้มีคุณภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10%
นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
-
IV WEIGHT LOSS
จะเพิ่มการเผาผลาญไขมัน เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยควมคุมความหิวและลดความอยากอาหาร ฟื้นตัวได้รวดเร็วจากการออกกำลังกาย ไม่ดูเหนื่อย ไม่โทรม ช่วยให้ดูสดใส และมีชีวิตชีวา รวมส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะของ Apex ซึ่งประกอบไปด้วย
Vitamin B Complex : ช่วยลดภาวะเครียด เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน หากขาดจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด สมาธิไม่ดี มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
Vitamin C : ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้ประโยชน์ ลดความเหนื่อยล้า ออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น ช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า
Lipotropic : ช่วยสลายไข เปลี่ยนไขมันสะสมไปเป็นพลังงานส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ
Vitamin B 12 : เป็นขุมพลังสำหรับร่างกาย ช่วยสร้าง DNA เส้นประสาท และเซลล์เม็ดเลือด ระบบเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีวิตามิน Vitamin B 12 หากขาดจะทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยล้า
L-carnitine : ช่วยการเผาผลาญ สลายไขมันส่วนเกิน (ไตรกลีเซอร์ไรด์) ในเลือด ทำให้การเผาผลาญกลูโคสดีขึ้น ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอัตราการเผาผลาญ ช่วยลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักด้วย IV Weight Loss ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนได้อย่างรวดเร็ว และดูดซึมได้ถึง 100 % สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ จึงเป็นผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็ว และสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ นอกจากนี้สารอาหารต่าง ๆ อย่างกรดอะมิโนแอซิดและวิตามินหลายชนิด เมื่อต้องผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊สหรืออาการปวดกระเพราะ และอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมา ในขณะที่ทำการให้สารอาหารผ่านทาง IV จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น
สามารถกระชับผิวด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ใช้เวลาเพียง 30 นาที เป็นเทคโนโลยีแรก และเทคโนโลยีเดียวที่ผสมผสานพลังงานคลื่นวิทยุเข้ากับพลังเสียงอัตร้าซาวด์ ส่งพลังงานเข้าถึงเนื้อเยื่อผิวในหลายระดับความลึก จึงสามารถกำจัดไขมันและฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวตั้งแต่ในระดับลึกจนถึงระดับผิวชั้นบน มีหัวส่งความเย็นที่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมสอดคล้องกับการทำงานตลอดเวลา จึงปลอดภัยสูงสุด ไม่เจ็บ ตลอดการทำทรีทเมนท์
ทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่องทั้งหมด 4 ครั้งต่อเดือน ผลลัพธ์หลังทำกระชับทันที และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำครั้งสุดท้าย 1-3 เดือน ทำได้ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ทั่วใบหน้า ลำคอ แขน ขา ก้น หน้าท้อง และอวัยวะเพศหญิง ซึ่งมีหลายหัวที่ใช้ทำ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ