พุงคุณเป็นแบบไหน? เช็คด่วน

พุงคุณเป็นแบบไหน? เช็คด่วน

อ้วนลงพุง พุงป่อง พุงยื่น พุงย้อย นับได้ว่าเป็นสัญญาณของความอ้วนที่ทุกคนนั้นไม่ต้องการ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกิดจากความอ้วน ไม่ว่าจะเป็นความดัน เบาหวานหรือโรคหัวใจ ซึ่งพุงนั้นเกิดจากไขมันที่ไปสะสมใต้หน้าท้องและใต้อวัยวะ หากสะสมเป็นจำนวนมากและสะสมเป็นเวลานาน ไขมันจะมีความแข็งตัวและดันหน้าท้องจนเห็นเป็นพุงยื่นนั่นเอง 

 

ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) 

เป็นไขมันที่พบได้ที่ชั้นผิวหนัง เมื่อสะสมเป็นจำนวนมากในบริเวณหน้าท้อง จะทำให้เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพได้ โดยสามารถวัดได้จากเครื่องหนีบวัดไขมัน (Skin-Fold Calipers)

 

ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) 

เป็นไขมันที่สะสมอยู่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง โดยอยู่รอบอวัยวะภายในร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร, ตับ, ลำไส้เล็ก ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, หลอดเลือดในสมองหรือสมองเสื่อม สาเหตุสำคัญของการเกิดไขมันใต้ผิวหนังและไขมันในช่องท้อง มาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการเผาผลาญพลังงานด้วยการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ จนเป็นสาเหตุของการมีพุง โดยสามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภท 

 

  1. พุงกลม Alcohol Belly

โดยทั่วไปแล้วจะเกิดกับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำและดื่มในปริมาณมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์แต่ละประเภทมีปริมาณแคลอรี่ที่สูง เมื่อดื่มเข้าไปแอลกอฮอล์จะถูกย่อยและก่อให้เกิดของเสีย จากนั้นสมองจะส่งสัญญาณให้ร่างกายหยุดเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้อง ขณะเดียวกันก็สั่งให้ร่างกายเปลี่ยนของเสียที่ย่อยจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปให้กลายเป็นไขมันจนเกิดเป็นพุง

ลดพุงจากพฤติกรรม : ควรเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทแคลอรี่ต่ำและกำหนดปริมาณการกินให้เหมาะสมต่อวัน หรืออาจจะเปลี่ยนจากการดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นการดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงแทน เพราะจะช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ซึ่งการกำจัดไขมันที่ได้ผลดีที่สุด คือ การออกกำลังกาย

ลดพุงจากการออกกำลังกาย  ดังรูปภาพต่อไปนี้

  1. พุงหมาน้อย Hormonal Belly

เป็นพุงที่มีลักษณะหน้าท้องด้านบนเรียบปกติ แต่หน้าท้องด้านล่างป่องย้อย เหมือนกับท้องของลูกหมาตัวน้อยๆ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงและกินขนมหวานมากเกินไป เพราะเมื่อน้ำตาลมากขึ้น ร่างกายก็จะเร่งนำพลังงานไปใช้ แต่เนื่องจากน้ำตาลมีจำนวนมากเกินไป จึงไม่สามารถกักเก็บได้ทัน จนกลายเป็นไขมันสะสม นอกจากนี้ยังเกิดจากการไม่ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน 

ลดพุงจากพฤติกรรม : ควรลดการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและแป้งขัดสี เช่น ข้าว ขนมปัง แล้วเปลี่ยนมากินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ไข่ อะโวคาโด ถั่ว ปลา และผักให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย

ลดพุงจากการออกกำลังกาย ดังรูปภาพต่อไปนี้

  1. พุงเครียด Stressed Belly

มีลักษณะเป็นชั้น เกิดจากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานไม่ปกติและยังผลิตไขมันขึ้นที่บริเวณหน้าท้อง นอกจากนี้ยังเกิดจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ รวมถึงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากไปอีกด้วย

ลดพุงจากพฤติกรรม : ควรดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 2 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดความเครียด ลดการสะสมของน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต 

ลดพุงจากการออกกำลังกาย ดังรูปภาพต่อไปนี้

  1. พุงคนท้อง Mommy Belly

เป็นพุงของคุณแม่หลังคลอดบุตร มีลักษณะยื่นออกมาเป็นชั้น หย่อนคล้อย ไม่กระชับ เนื่องจากเกิดการขยายตัวของมดลูกและยังไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ หรือที่เรียกว่า “มดลูกเข้าอู่” ซึ่งโดยปกติแล้วต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ถึงจะกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่หากไม่ลดลงต้องทำการลดด้วยการออกกำลังกาย

ลดพุงจากพฤติกรรม : ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายจนกว่าร่างกายจะกลับสู่สภาวะปกติ ควรกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา เพื่อเพิ่มฮอร์โมนเผาผลาญไขมันและลดการทำงานของฮอร์โมนที่เก็บสะสมไขมัน นอกจากนี้ควรกินไขมันที่มีประโยชน์เป็นประจำทุกวัน พักผ่อนให้เพียงพอ ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เพื่อช่วยในการเผาพลาญไขมัน

ลดพุงจากการออกกำลังกาย ดังรูปภาพต่อไปนี้

  1. พุงป่อง Bloated Belly

มีลักษณะคล้ายพุงกลม แต่มีความแบนในตอนเช้าและจะป่องหรือบวมในตอนกลางวัน ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่ย่อยยาก แก๊สในกระเพาะอาหารที่มีเป็นจำนวนมากจนท้องอืด พุงแบบนี้จะไม่อันตรายเท่าแบบอื่นๆ เพราะพุงสามารถลดได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีการกินอาหาร 

ลดพุงจากพฤติกรรม : ลดการรับประทานอาหารจำพวกแป้ง เนย น้ำตาล ควรดื่มน้ำมากๆ และกินอาหารที่มีกากใยประเภทพืชผัก ผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น หลังจากกินอาหารแล้วควรเดินสักพัก เพื่อย่อยอาหารและงดกินอาหารมื้อดึก 

ลดพุงจากการออกกำลังกาย ดังรูปภาพต่อไปนี้

ไม่ว่าจะเป็นพุงประเภทไหนก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นทุกคนควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตามวิธีที่แนะนำข้างต้น แต่หากไม่มีเวลาหรือไม่อยากเหนื่อยกับการออกกําลังกาย ลดพุงแล้ว แต่ต้องการกำจัดไขมันแบบได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องมีตัวช่วย

 

Emsculpt ถือเป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบัน ที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ หลักการทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อและไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้ง ต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนักๆ และทำ Sit up ไปด้วยพร้อมๆ กันถึง 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย 

 

ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค ควบคู่ไปกับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน 

 

ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่?

Emsculpt  ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ ซึ่งจะทำทรีตเมนต์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%

 

APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่อง EmSculpt จากประเทศอังกฤษด้วยเทคโนโลยี HIFEM นวัตกรรมแรกและนวัตกรรมเดียวที่มีงานวิจัยมากที่สุดถึง 20 งานวิจัยว่ารองรับ Build Muscle & Claim Fat

 

ปรึกษาได้ที่นี่
095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim


MAKE AN APPIONTMENT